จังหวัดกระบี่ และทะเลแหวก ถือเป็นความสวยงามของธรรมชาติที่มาคู่กัน และยังเป็น Unseen ของเมืองไทยที่คนทั่วโลกนิยมมาเยี่ยมชมอีกด้วย สวยงามและน่าพิศวงขนาดนี้จะพลาดได้อย่างไร
ทะเลแหวก ที่เที่ยวทะเล Unseen กระบี่ ที่ไม่ควรพลาด
ทะเลแหวก แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติในจังหวัดกระบี่ ที่ถูกขนานนามว่า Unseen Thailand ทำให้โด่งดังไปทั่วโลก ความมหัศจรรย์ของธรรมชาตินี้ เกิดขึ้นในช่วงน้ำลง ทำให้พัดเอาเม็ดทรายมารวมกันที่จุดนี้ จนทำให้เกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เรียกว่า ทะเลแหวก นั่นเองค่ะ
บริเวณทะเลแยกเป็นส่วนของสันทรายขาว ซึ่งทอดตัวเป็นแนวระหว่างเกาะ 3 เกาะ ได้แก่ เกาะไก่ เกาะหม้อ และเกาะทับ จมอยู่ใต้น้ำ เมื่อถึงเวลาน้ำขึ้นสูงในแต่ละวันนั่นเองค่ะ
จุดเด่นของทะเลแหวก
ในอดีตนักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือไปตกปลา กางเต็นท์ และค้างคืนบนเกาะได้ แต่ปัจจุบันไม่อนุญาตให้พักค้างคืนบนเกาะ ได้แต่มาชมความงามของธรรมชาติแห่งนี้เพียงอย่างเดียว ไฮไลท์ของการมาเที่ยวทะเลแหวกคือการมาชมวิวพร้อมกับถ่ายรูปสวยๆ วันหยุดนักขัตฤกษ์ เพราะคนจะเยอะ ภาพที่ออกมาก็จะเห็นคนเต็มไปหมด
ควรมาในช่วงสุดสัปดาห์ทั่วไป หรือวันธรรมดาจะดีที่สุด นอกจากความสวยงามของทะเลแหวกแล้วที่นี่ยังเป็นชายหาดที่สวยงามอีกด้วย เหมาะแก่การเล่นน้ำมากเพราะมีแนวหาดกว้าง น้ำใสด้วย ถือได้ว่าที่นี่เป็นไฮไลท์ของการมาเที่ยวทะเลกระบี่สักครั้งหนึ่งในชีวิต คุณต้องไปที่นี่
การเดินทาง ไปยัง ทะเลแหวก
สามารถเที่ยวทะเลแหวกได้โดยซื้อแพ็คเกจทัวร์เรือหางยาว หรือเรือเร็วจากบริษัททัวร์ โปรแกรมทัวร์ ส่วนใหญ่เป็นทัวร์ 4 เกาะ ได้แก่ ทะเลแหวก (เกาะหม้อ หอทับ) เกาะปอดะ และเกาะไก่ แต่ถ้าไม่ใช้บริการทัวร์ ก็สามารถใช้บริการเรือหางยาวของสหกรณ์เรือหางยาวได้ สามารถติดต่อได้ที่ทำการอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา
ประวัติ
ทะเลแหวก หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยว Unseen Thailand ของจังหวัดกระบี่ ทะเลแหวกเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดจากอิทธิพลของน้ำขึ้นและน้ำลง ทำให้สันดอนทรายของเกาะ 3 เกาะ คือ เกาะทับ เกาะหม้อ และเกาะไก่ (หรือเกาะปอดะ) โผล่ขึ้นมาเมื่อน้ำลด และให้เราเดินข้ามไปยังเกาะทั้งสามได้
เกาะทับเป็นเกาะเล็กๆ ภาคใต้มีหาดทรายเพียงแห่งเดียว เมื่อน้ำลง หาดทรายทางตอนใต้นี้จะเชื่อมต่อกับสันทรายของเกาะปอดานอก กลายเป็นสะพานธรรมชาติยาวประมาณ 200 เมตร แม้จะเป็นหาดทรายเล็กๆ แต่น้ำทะเลใสและทรายละเอียดขาวมาก
เกาะหม้อ ด้วยลักษณะภูมิประเทศที่ดูเหมือนหม้อที่ลอยอยู่กลางทะเล คนในสมัยก่อนจึงเรียกเกาะนี้ว่า “เกาะหม้อ” เกาะหม้ออยู่ห่างจากเกาะทับเพียง 70 เมตร หากน้ำลดจะมีสันทรายเชื่อมถึงกัน สามารถเดินจากเกาะหนึ่งไปยังอีกเกาะหนึ่งได้ แต่เกาะหม้อมีลักษณะเป็นหิน บนเกาะไม่มีชายหาดให้ขึ้นไป
เกาะไก่ หรือ เกาะปอดะ หรือ เกาะดำขวัญ เกาะรูปร่างแปลกตาจากชะง่อนผาด้านใต้ทำให้เป็นที่มาของชื่อเกาะตามจินตนาการต่างๆ ของผู้พบเห็น บ้างก็เห็นเกาะรูปร่างคล้ายหัวไก่ บ้างก็เห็นด้ามขวานสูงตระหง่าน นักท่องเที่ยวสามารถดำน้ำดูปะการังน้ำตื้นได้ หรือปะการังแข็งที่เกาะไก่ นอกจากความสวยงามของน้ำทะเลที่ใสสะอาดแล้ว และหาดทรายขาวของเกาะปอดะ ยังมี “ลิงแซม” สัตว์ประจำถิ่นขนาดเล็ก ที่สร้างรอยยิ้มให้กับนักท่องเที่ยวที่พบเห็นอยู่เสมอ
ใต้ผืนน้ำอันสวยงามยามน้ำลง ธรรมชาติเผยโฉมให้นักท่องเที่ยวได้เห็นหาดทรายขาวที่ซ่อนอยู่ราวกับทะเลแหวก ซึ่งเมื่อน้ำทะเลแยกออกจะทำให้เกิดแผ่นดินเชื่อมระหว่างเกาะที่สามารถลงไปเดินเล่นได้ โดยเฉพาะวัน ก่อนและหลังวันแรม 15 ค่ำ ประมาณ 5 วัน น้ำทะเลจะลดลงมากมีความสวยงามแปลกตา นักท่องเที่ยวจะสามารถเดินข้ามเกาะ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาเพื่อถ่ายภาพปรากฏการณ์มหัศจรรย์นี้และเล่นน้ำทะเล เนื่องจากบริเวณนี้น้ำทะเลใส สามารถเห็นฝูงปลาสวยงามตัวเล็กแหวกว่ายไปมาอย่างเพลิดเพลิน
การเดินทางไปจังหวัดภูเก็ตจากกรุงเทพฯ
ภูเก็ต เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ทางภาคใต้ของประเทศไทย อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 862 กิโลเมตร ทอดยาวไปในทะเลอันดามัน บนคาบสมุทรอินเดีย ภูเก็ตเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย และเป็นเกาะแห่งเดียวในประเทศที่มีฐานะเป็นจังหวัด คำว่า ภูเก็ต มาจากคำว่า ภูเก็ต ซึ่งแปลว่า ภูเขาแก้ว เป็นจังหวัดที่มีประวัติศาสตร์และอารยธรรมอันยาวนานและน่าสนใจ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางมาภูเก็ตก็สามารถเลือกเดินทางได้หลากหลายวิธี ทั้งทางรถยนต์ รถทัวร์ รถไฟ และเครื่องบิน.
– รถยนต์ (จากกรุงเทพฯ ไปได้ 2 เส้นทาง คือ)
1. ใช้ทางหลวงหมายเลข 35 (ถนนพระราม 2 หรือถนนธนบุรี-ปากท่อ) ผ่านสมุทรสาคร สมุทรสงคราม อำเภอปากท่อ แล้วแยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 4 (เพชรเกษม) ผ่านจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ถึงชุมพร แล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 41 ผ่านอำเภอหลังสวน อำเภอท่าช้าง แล้วเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 401 จนบรรจบกับทางหลวงหมายเลข 4 ที่อำเภอตะกั่วป่า เลี้ยวซ้ายผ่านอำเภอท้ายเหมือง บ้านโคกกลอย ข้ามสะพานสารสินเข้าสู่จังหวัดภูเก็ต
2. ใช้ทางหลวงหมายเลข 35 (ถนนพระราม 2 หรือถนนธนบุรี-ปากท่อ) ผ่านสมุทรสาคร สมุทรสงคราม อำเภอปากท่อ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 4 (เพชรเกษม) ผ่านจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ระนอง พังงา ถึง ภูเก็ต รวมระยะทางประมาณ 862 กิโลเมตร
– รถทัวร์ จากสถานีขนส่งหมอชิต หรือ สายใต้ใหม่ ใช้เวลาประมาณ 12 ชั่วโมง ราคา 650 – 1,100 บาท
– รถไฟ (ไม่ไปภูเก็ต) จากหัวลำโพงไปสุราษฎร์ธานีใช้เวลาประมาณ 11 ชั่วโมง แต่ต้องต่อรถทัวร์ไปภูเก็ตประมาณ 4 ชั่วโมง ซึ่งค่อนข้างนาน
– เครื่องบินเป็นวิธีที่สะดวก ประหยัดเวลา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาทีเท่านั้น และมีสายการบินที่มีเที่ยวบินจากทั้งสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ บินไปสนามบินภูเก็ตวันละหลายๆเที่ยวด้วยกัน